-
การทำกรรมของบุคคลหรือสังคม เป็นเหตุปัจจัยเบื้องต้นที่จะก่อให้เกิดผลของกรรม หรือวิบากตามมา และกฏแห่งกรรมจะเกี่ยวโยงกับมนุษย์ทุกคน และทุกสรรพสิ่งในโลก ในจักรวาล ซึ่งรวมดวงดาวต่าง ๆ ที่เอามาผูกดวง คำนวณ เพื่อทำนายด้วย ดังนั้นดวงดาวต่างๆ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นเหตุปัจจัยระหว่างกลาง และอาจนำมาทำนายผลของกรรม ซึ่งเป็นผลลัพธ์ท้ายสุดได้
-
ความเชื่อนี้ มิใช่การเชื่อเลื่อนลอย แต่มีข้อมูลสนับสนุนจากบันทึกการเคลื่อนที่ ตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ เทียบกับโลก กับเหตุการณ์บนโลก การเก็บบันทึกข้อมูลนี้มีมานับพันปี จนสามารถทำนาย หรือคาดการณ์ได้ว่าหากตำแหน่งดวงดาวเป็นเช่นนั้นๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเกิดจริงซ้ำ ๆ กันเสมอ
- พัฒนาการของโหราศาตร์นั้น มีการคำนวณโดยใช้จักรราศีที่แบ่งองศาเป็น 12 ราศีเมื่อ 2,400 ปีมาแล้ว ต่อมาจึงกำหนดเรื่องลัคนา ( Ascendant or rising sign ) ซึ่งลัคนาหมายถึงสภาพแวดล้อม ผู้เกิด สภาพในขณะเกิด บุคลิกลักษณะ และวิถีทางที่ผู้นั้นจะดำเนินต่อไป
ดวงอาทิตย์คือจุดศูนย์กลางในการหมุนของระบบสุริยะ และเป็นจุดศูนย์กลางของพลังงานที่ให้พลังมีชีวิต มันมีกลไกทางกายภาพ ในการส่งข้อมูลข่าวสารจากดวงอาทิตย์ไปสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โดยลมสุริยะ (solar wind) ซึ่งกระแสพลังลมสุริยะที่พวยพุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์นั้น จะนำพลังงานจากดวงอาทิตย์ในขณะนั้นไปด้วย แล้วแผ่ออกไปทั้งขอบเขตสนามแม่เหล็ก ดาวเคราะห์ทั้งหลายในระบบสุริยะของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าเฮลิโอสเฟียร์ (Heliosphere) ความเข้มข้นรุนแรงก็เกิดเป็นระลอกตามสภาวะ
-
พลังงานเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของดวงอาทิตย์ ที่ถูกดาวเคราะห์ทั้งหลายในระบบ ดึงและดูดยึดโยงอยู่ตลอดเวลา ด้วยแรงโน้มถ่วงและแรงแม่เหล็ก ซึ่งพลังงานของดวงอาทิตย์จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามแรงโน้มถ่วงและแรงแม่เหล็ก ที่ดาวเคราะห์ทั้งหลายในระบบกระทำ และเมื่อใดที่ลมสุริยะหอบเอารูปแบบพลังงานของดวงอาทิตย์มาด้วย เดินทางมาถึงโลก ก็จะถ่ายโอนรูปแบบของพลังงานนี้ไปให้กับ “โครงข่ายพลังงานแม่เหล็กโลก” (the Magnetic Grid) ในทันที
- โครงข่ายพลังงานแม่เหล็กโลก เป็นโครงข่ายพลังงานที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้พลังมสุริยะแล้วจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานในทันที ส่วนเส้นพลังงานของโครงข่ายพลังงานแม่เหล็กโลกนั้นจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะเส้นพลังงานเหล่านี้ ไม่ได้มีความสม่ำเสมอกันทั้งหมด ดังนั้น ในแต่ละจุดของโลกที่เส้นพลังงานเหล่านี้อยู่ ก็จะได้รับผลกระทบมาก-น้อยไม่เท่ากัน
ส่วน DNA ของมนุษย์นั้น ก็จะมีความไวต่อพลังงานแม่เหล็กอยู่แล้ว เพราะมีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็กชนิดหนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนั้น ในตอนแรกเกิดที่ทารกแยกตัวออกมาจากมารดานั้น จะมีสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่ถูกส่งไปให้กับสมองของทารกแล้วบอกว่า “ ขณะนี้ระบบของคุณจะทำงานด้วยตัวเองแล้ว ไม่ต้องอาศัยระบบของแม่อีกต่อไป ”
- นับตั้งแต่วินาทีที่ทารกเริ่มหายใจเองเป็นครั้งแรก และแยกตัวออกมาเป็นชีวิตใหม่อีกชีวิตหนึ่งนั้น DNA ของเด็กทารกผู้นั้น ก็จะรับเอารูปแบบของพลังงานจากโครงข่ายพลังงานแม่เหล็กโลกเข้ามาในทันที แล้วทารกผู้นั้นก็จะมีสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่า “คุณลักษณะทางโหราศาสตร์” (astrological attributes) ของช่วงเวลาตกฟากของตัวเองอยู่ทั้งหมดโดยปริยาย
- รูปแบบของพลังงานในแต่ละสถานที่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ก็คือ “พลังงานพื้นฐาน” บวกหรือลบโดยพลังงานสนามแม่เหล็กโลกในสถานที่นั้นๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็ไม่เหมือนกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า.. ทำไมโหราศาสตร์จึงจำเป็นจะต้องนำเอาสถานที่เกิดมาพิจารณาด้วย และทั้งหมดนี้ก็คือหลักการของ “แผนที่เดินดาว” Astrocartography
เมื่อผู้ใดแก้ไขรหัสกรรม เปลี่ยนแปลง DNA ของตัวเองแล้ว ก็เท่ากับว่าได้จัดการกับแก่นแท้ ของรูปแบบพลังงานที่ติดจิตวิญญานมานับแต่เกิดด้วย เราจึงสามารถจัดการ แก้ไข เงื่อนไขกรรมที่เป็นพิมพ์เขียวดวงชะตา ได้ด้วยแผนภูมิโหราศาสตร์ได้อย่างแท้จริง หรือแม้กระทั่ง สามารถแก้ไขให้กรรมเหล่านั้นเป็นโมฆะไปได้ด้วย ด้วยการ มองเข้าไปในชีวิตของตัวเอง และกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางออกไปให้หมดเสีย เก็บส่วนดีไว้และพัฒนาให้เป็นเลิศขึ้นไป นี่คือการใช้โหราศาตร์อย่างเกิดประโยน์สูงสุด
โหราศาสตร์ คือพิมพ์เขียวบันทึกรหัสกรรมบนแผนภูมิดวงชะตาเกิด ผ่านดวงดาว ลายมือ ลักษณะใบหน้า รหัสสัญญาลักษณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว จากผลการกระทำจากหลายๆ ชาติภพและกรรมผลการกระทำในปัจจุบัน โดยการตัดสินใจของตนเอง ตั้งแต่กรรมในใจ กรรมวาจา กรรมทางกาย ซึ่งที่เราได้รับในปัจจุบันก็คือผลจากการกระทำเก่าๆ ของเรานั่นเอง ซึ่งโหราศาสตร์บันทึกพฤติกรรมของชาติภพไว้ ตลอดถึงจุดมุ่งหมายของดวงวิญญานที่วางแผนไว้ในระหว่างอันตรภพก่อนมาจุติ จึงเลือกเวลา เลือกสถานที่ ครอบครัว และอื่นๆ ด้วยตนเอง เพื่อกลับมาสร้างกรรมใหม่ พฤติกรรมใหม่ เพื่อสำเร็จในเป้าหมายของดวงวิญญานในแต่ละภพชาติ ด้วยอำนาจจิตปัจจุบัน โหราศาสตร์ ดวงดาว ไม่ได้กำหนดชะตาชีวิต เพียงแต่บอกแนวโน้มชะตาชีวิตจากแผนที่ดาวแสดงพฤติกรรมเก่าๆ และเป้าหมายของดวงวิญญานที่กำหนดเอาไว้ ส่วนจะทำได้ หรือไม่ทำนั้น เจ้าชะตาเท่านั้นที่เป็นผู้กระทำและกำหนดด้วยอำนาจปัจจุบัน !! กรรมมีความซับซ้อนมากเพราะนอกจากกรรมเก่าแล้ว กรรมใหม่ยังเกิดตลอดเวลา พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า..เป็นอจินไตย
- ความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง
ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna