- หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา ไม่เพียงแต่จะมีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีการขุดค้นพบและได้รับการบริจาคมาจากภายในจังหวัด โดยจัดเรียงไว้ตามลำดับการเกิดของยุคสมัยได้อย่างน่าชื่นชมเท่านั้น แต่มีคำอธิบายโบราณวัตถุบางชิ้นที่บอกเล่าเรื่องราวทางไสยศาสตร์ระหว่างชาติไทย กับพม่ามาแต่โบราณ
- “หำยนต์” หรือ “หำโยน” หนึ่งในสัญลักษณ์การเป็นเมืองขึ้นของพม่า ที่ถูกนำมาใช้ เพื่อข่มชาวเชียงใหม่ไม่ให้มีโอกาสได้ดิ้นรนต่อสู้กับพวกพม่าต่อไป
- ไม่น่าเชื่อว่าไม้กระดานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านหนึ่งเรียบ ขณะที่อีกด้านหนึ่งฉลุเป็นรูปเสี้ยววงกลมสองรูปมาชนกัน ตรงกลางทำเป็นส่วนย้อยแหลมออกมาทางช่องประตู จะกลายเป็นเครื่องมือทางไสยศาสตร์ไปได้
- เนื่องเพราะคำว่า “หำ” แปลว่าอัณฑะ ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งของสัตว์หรือคนเพศผู้ ส่วนคำว่า “ยนต์” น่าจะมีความหมายถึงศาสตร์อันลี้ลับแขนงหนึ่ง เพราะคนโบราณมักจะมีคำคำนี้ปะปนอยู่ในเครื่องมือที่ทำไว้ในสถานที่ต้องห้ามอย่างในอุโมงค์เก็บสมบัติ เมื่อมีผู้บุกรุกยนต์ต่าง ๆ ก็จะทำหน้าที่ทันที
- เช่นเดียวกับการที่บังคับให้ทุกบ้านมีการสร้าง “กาแล” ไม้รูร่างคล้ายกับตัววี (V) ยื่นออกมาจากจั่วของหลังคาบ้าน
ความหมายของกาแลก็คืออีกาชำเลือง ซึ่งบางแห่งอาจเรียกว่าก๋าแล ซึ่งหมายถึงนกพิราบชำเลือง ซึ่งตามปกติการทำไม้ไขว้กันในลักษณะนี้จะพบเห็นในการปักไขว้กัน บนหลุมฝังศพเด็กที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามขวบ โดยการกระทำเช่นนี้เป็นการสะกดวิญญาณเอาไว้
- เมื่อพระเจ้าหงสาวดีต้องการให้ไทยซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นในสมัยนั้นให้ความเคารพยำเกรง จึงสั่งให้คนในบัญชาไปคิดหากลวิธีมา ซึ่งในที่สุดพม่าซึ่งรู้ว่าเมืองพุทธอย่างไทยนั้น นิยมสร้างวัดไว้ตามทางสามแพร่ง จึงมีคำสั่งให้สร้างวัดโดยให้มีหงส์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญรวมอยู่ด้วย
-
เวลาที่คนไทยไปวัด แล้วยกมือไหว้จึงเสมือนกับเป็นการกราบไหว้พระเจ้าหงสาวดีไปในตัวด้วยนั่นเอง
- นอกจากกาแลและหำยนต์แล้ว พม่ายังบังคับด้วยว่าหากมีทารกคนใดเกิดในนครเชียงใหม่ ให้นำรกไปฝังไว้ใต้บันไดทางขึ้นบ้าน ซึ่งมีผู้คนทั้งหญิงและชายเดินเหยียบย่ำผ่านไปผ่านมา เพื่อข่มบุญบารมีให้หมดสิ้นไป
-
คำอธิบายพิมพ์แบบง่าย ๆ ที่ติดไว้ที่หำยนต์ บอกว่า..“คนรุ่นต่อ ๆ มาไม่รู้ คิดว่านี่เป็นของดี เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ต่างหามาประดับบ้าน โดยหารู้ไม่ว่านี่คือ เครื่องหมายของความเป็นทาสของชนชาติต่างเผ่าพันธุ์ ที่เข้ามากดขี่ข่มเหงมาก่อนนั่นเอง”
อ่านเป็นความรู้ว่า คนโบราณนั้นแยลยลในการวางแผนทางคุณไสย แต่..ไสยศาสตร์ทางข่มนั้น เป็นกระแสจิตที่ส่งออกไปก็ย้อนกลับมาดั่งมุมเมอแรง ผู้ส่งก็ย่อมต้องเป็นผู้รับด้วยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน การใช้อำนาจไสยศาสตร์ที่ดีนั้น ควรใช้ในทางเสริมส่งหนุนเนื่องดวงชะตา ชำระกรรม ให้อโหสิ ให้พรอธิษฐานจิตในสิ่งทีดีงามจะดีกว่า เพราะกฎแห่งกรรมคือ ” ผู้ให้ย่อมเป็นผู้รับ ” เช่นกัน จะไทยพม่ารามัญ ก็ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน แยกออกมาจากธาตรู้เดียวกันทั้งสิ้นทั้งเผ่าพันธ์ อโหสิ
ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna