-
ยันต์บางลายมีความหมายในด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภูตผีปีศาจ กันและแก้คุณไสย
-
บางลายเป็นตบะเดชะ มีอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน คุ้มครองให้ปลอดภัย ป้องกันศาสตราวุธทั้งหลาย เป็นต้น
- การสักของคนล้านนาจึงต่างจากการสักทั่วไป ที่มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามหรือเพื่อเป็นศิลปะ แต่มีวัตถุประสงค์หลักในเรื่องของความเชื่อทางไสยศาสตร์
- ขณะทำพิธีการสัก จะมีการอัญเชิญครูบาอาจารย์มาคุ้มครองรักษา ผู้สักจึงต้องมีความเคารพเชื่อฟัง มีคุณธรรมประจำใจ ต้องระลึกถึงทุกครั้งว่าตนมีครูบาอาจารย์ประจำกายอยู่
-
สมัยโบราณ ผู้ชายสักยันต์จะนุ่งผ้าต้อย โดยจะม้วนชายผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาซึ่งเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือการนุ่งผ้าโจงกระเบน คือดึงชายให้สูงร่นขึ้นไปเหนือเข่า ว่ากันว่า.. ผู้หญิงล้านนาจะเมินผู้ชายที่สะโพกขาว เพราะถือว่าเป็นคนขี้ขลาด ไม่สมเป็นชายชาตรี เมื่อผู้ชายคนใดนุ่งผ้าต้อยแล้วเห็นลายสักสีดำ จึงจะถือว่าเข้มขลังสมกับ สมกับเป็นชายชาตรี
-
สําหรับตำนานอันเป็นที่มาของประเพณีการสักของกลุ่มชนทั้งหลายบริเวณตอนเหนือนั้น พระอริยานุวัตร อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาชัย จังหวัดมหาสารคาม ได้เล่าไว้ว่า ..เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน บรรดาหัวเมืองต่างๆ พากันยกทัพมาแย่งชิงองค์พระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปจัดสร้างสถูป เจดีย์ บรรจุองค์พระสารีริกธาตุ ณ เมืองของตน แต่กษัตริย์เมืองยูนนาน หนองแส แคว้นสิบสองจุไท มาในเวลาที่พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกแจกจ่ายไปหมดแล้ว คงเหลือเพียงเถ้าถ่าน กษัตริย์เมืองยูนนาน เมืองหนองแส ก็นำเถ้าถ่านนั้นกลับเมืองของตน แล้วพากันอธิษฐาน พระอังคารที่เกิดจากเถ้าถ่านก็แทรกซึมเข้าตามเนื้อ ตามตัว เกิดอิทธิฤทธิ์คงกระพันชาตรี มีกำลังเหมือนช้างสาร จึงเป็นเหตุให้เกิดการนิยมสักลายตามเนื้อตัวในเวลาต่อมา
-
สำหรับลวดลายที่ใช้ในการสักนั้น มีลายบัวพันกลีบ ลายอักขระที่เชื่อว่าเป็นคาถา ลายสัตว์ คือ เสือโคร่ง หงส์ สิงห์ มอม และรูปสัตว์ในป่าหิมพานต์ ตามความเชื่อพุทธศาสนา
- ซึ่งในปัจจุบันการสักยันต์ค่อยๆ เลือนหายไป เหลือแต่คนเฒ่าคนแก่อายุราว 80 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่ยังมีรอยสักบนขาติดตัว เพราะสักมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่มๆ ส่วนหมอสัก หรือครูสัก ก็แทบไม่มีเหลืออยู่
- กระนั้นก็ยังมีความพยายามของคนรุ่นใหม่อยู่ส่วนหนึ่ง ต้องการสืบทอดการสักขาลายหรือสับหมึก ให้คงเป็นเอกลักษณ์ของล้านนาต่อไป..
ติดต่อบูชา LINE : @namotasa