ฤทธิ์อำนาจแห่งธาตุกายสิทธิ์

เมื่อเซลล์ชีวิตในส่วนต่างๆ มีการสะสมคลื่ความถี่เอาไว้ในกายมากเข้า และเกิดปะทะกับคลื่นรังสีของดวงอาทิตย์ นิดๆ หน่อยๆ ก็จะรู้สึกร้อนมากกว่าปรกติ เหมือนดวงอาทิตย์มาอยู่ใกล้ๆ อากาศแปรปรวนเล็กน้อย ก็เจ็บ จุก ปวด แปลบ ปลาบ หนาวฟ ร้อนๆ เพราะภูมิต้นทานเซลล์ชีวิตบกพร่อง
  • เมื่อร่างกายกระทบผัสสะกับคลื่นพลังงานแสง สี เสียง จะเกิดปฎิกริยาภายในชั้นเซลล์อย่างรวดเร็ว เกิดความเร่าร้อน รุนแรง เดือดพล่าน ลุกโพรง ก่อกำเนิดรูปอารมณ์ต่างๆ ผุดขึ้นมาในกายและจิต ทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะ
พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นแนวทางรอดจากอำนาจฝ่ายต่ำนี้ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะเมื่อฝึกจิตเข้าสู่เอกัคตารมณ์ขึ้นมาคราใด ความสงบระงับแห่งจิตที่ผุดขึ้น ก็จะทำให้เกิดความไม่ใส่ใจต่อคลื่นกระแสใดๆ ที่เข้ามากระทบผัสสะจากภายนอก ทำให้โครงสร้างของพลังจักรวาลแห่งความนึกคิด หยุดปรุงแต่งจิต เซลล์ชีวิตในกาย-จิตเกิดความผ่อนคลาย ไม่เคร่งขึงตึงเครียด รังสีแสงปัญญาแห่งธรรมธาตุ ณ. ฐานกลางกายปลดปล่อยรัศมีจิต ( ออร่า ) ไปกระตุ้น เร่งเร้า เผาไหม้ ข้อมูล จุดตัด รหัสสัญญา ที่หมักหมมสะสม ตกค้างในเซลล์ให้กลายเป็น ไอ กรด แก้ส คลื่นไอออน ออกไปสู่ภายนอก เป็นการชำระ สลายสัญญา พันธุกรรม ให้เบาบางลง และปริวรรตปรับเปลี่ยนธาตุหนัก เข้าสู่ความเป็นธาตุเบา ชีวเคมีธาตุที่ไหลเวียนภายในร่างกาย สามารถที่จะเดินทางเคลื่อนที่ ปรับเปลี่ยนประจุไฟฟ้า ระหว่างชีวประสาทได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาอณูจิต ( เซลล์ชีวิต ) รักษาจิต บำรุจิต ให้เกิดการแตกตัว แบ่งเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว
  • ต้องฝึกฝน ขัดเกลา อบรมจิตเป็นเนืองนิจ จะสามารถสะสางความเป็นธาตุหนัก ในชีวอะตอมต่างๆ ให้กลายเป็นไอออน ธาตุเบา ออร่า ไหลเวียนไปตามโครงสร้างต่างๆ ของร่างกายได้รวดเร็วเพิ่มมากยิ่งขึ้น ต้องอาศัยศรัทธา วิริยั ศีล สมาธิ ปัญญา มาเป็นเครื่องกรั่นกรองรูปอารมณ์ต่างๆ มิให้เข้ามาสะสมหมักหมมทวีคูณ เพิ่มจำนวนอยู่ภายในจิตได้อีกต่อไป
  • คลื่นกระแสชีวเคมีในกาย จิต จะบริสุทธิ์ขึ้นตามสภาวะ อณูจิต เซลล์ชีวิต เกิดความรู้ตัวทั่วพร้อมถ่ายทอดสัญญานชีวประสาทไปสู่โครงสร้างจักรวาลของสมอง ให้นึก คิด วิจิตร ปรุงแต่ง เผาไหม้จิตหยาบให้ละเอียด ประณีต สุขุม มีสติสัมปชัญญะ
  • และปู้ที่ติดสุขแบบปุถุชน ก็สามารถอาศัยธาตุกายสิทธิ์ชนิดต่างๆ ที่เข้มข้มด้วยพลังจักรวาล คลื่นแสง สี ความถี่ต่างๆ อย่างยิ่งยวด ประจุอัดแน่นอยู่ภายในมวลธาตุ มาชำระล้าง สะสางธาตุหนักภายในธาตุขันธ์ โดยการพกติดตัว หรือใช้ร่วมกับสมาธิ เพราะภายในมวลอะติมของธาตุกายสิทธิ์ ซึ่งเกิดโดยธรรมชาติจะมีคลื่นความถี่เบา ละเอียด มีการปลดปล่อยไอยรูป ไอยธาตุ รังสีที่เจือจาง ให้ค่อยๆ ซึมเข้าไปสลายสนามพลังงานลบตลอดเวลา ทำให้เกิดเผาไหม้ชีวอะตอมตลอดเวลา ไหลผ่านธาตุกายสิทธิ์ที่ถูกกงล้อธรรมชาติพัดผันเคลื่อนหมุน ให้หลอมประจุรวมตัวกลายเป็นรูปวัตถุในโลกธาตุ

เปรียบเหมือนการอธิษฐานจิต ประจุไว้ในช่วงที่โลกธาตุจะปิดตัวลงไป จนกลายเป็นช่องว่างต่าง ๆ ของอนันตากาศ ก่อนแสดงโครงสร้างทางกายภาพ ดูดกลืนเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่ง ( มิติมหัศจรรย์ ) ของโลกธาตุที่กำลังพัฒนาเข้าสู่กายภาพของรูปแห่งวัตถุ

  • ทำให้ธาตุรู้แห่งพุทธะ หรือแก้วกายสิทธิ์เหล่านั้น เปลี่ยนรูป แปลงร่าง กลายเป็นวัตถุธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำไปอธิษฐานจิต ติดต่อสื่อสารทางสมาธิจิต ปรับจูนคลื่นความถี่ภายในตัวเราซึมซาบปรับเอาแสง สี รัศมีแห่งปัญญาภายในช่องว่างต่างๆ ของมวลธาตุ เข้ามาปรับสมดุลให้เกิดขึ้นภายในธาตุขันธ์ โดยการตั้งเจตจำนงส่งคลื่นกระแสจิตอันมุ่งมั่น ด้วยความศรัทธาเชื่อถือต่อธาตุกายสิทธิ์ จิตอันศักดิ์สิทธิ์ก็เปรียบเสมือนกับการฝึกจิต เข้าสู่มิติมหัศจรรย์ของโลกแห่งความเป็นทิพย์ ซึ่งติดอยู่ภายในช่องว่างต่างๆ ของวัตถุ
  • เปรียบเหมือนการเดินทางด้วยกระแสจิต เข้าสู่ไอยรูป(รูปทิพย์) ไอยธาตุ(ธาตุทิพย์) โน้มเอาคลื่นกระแสแห่งความนึกคิดของจิตใฝ่สูง ในรูปของแสงสี รัศมีแห่งปัญญา ภายในวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ให้เดินทางเข้าสู่ความเป็นธาตุขันธ์ เปรียบเสมือนการนำเอา ” ธรรมโอสถ ” จากภายนอกเข้ามาชำระสะสางธาตุหยาบให้ค่อย ๆ เจืองจางเบาบางลงไป ทำให้คลื่นความถี่ที่สะสมอยู่ภายในธาตุขันธ์ ไม่ก่อตัวเป็นเนื้อเยื่อหรือสารพันธุกรรม (DNA-RNA) อีกต่อไป
ฤทธิ์อำนาจ แสงสี บุญบารมี คลื่นความถี่ที่ละเอียดอ่อนจากธาตุกายสิทธิ์ สามารถปรับสมดุลให้กับกาย ( 30% ฤทธิ์อำนาจ 70% จากการกระทำของเรา ) ทำให้พฤติกรรมต่างๆ ทั้งกาย วาจา ใจ เกิดการเปลี่ยนแปลงยกระดับคลื่นจิตไปตามแนวทางของจิตใฝ่สูง เกิดความสงบเยือกเย็น ผุดรู้ ผุดห็น เกิดญาณหยั่งรู้ หรือลางสังหรณ์ เนื่องจากจิตรู้ ธาตุรู้อันศักดิ์สิทธิ์เข้ามาดลจิต ดลใจ ให้รู้ผิด รู้ถูก รู้ดี รู้ชั่ว ว่าสิ่งใดควรทำ มิควรทำ ทำให้วิบากกรรมใหม่ไม่แสดงพฤติกรรม
  • เมื่อนำมวลสารวัตถุธาตุกายสิทธิ์มาเสกสร้างขี้ผึ้งศักดิ์สิทธิ์ เทียนบูชา เพื่อใช้อธิษฐานจิต ขอบารมีจากพลังงานศักดิ์สิทธิ์ มาชำระสะสางกายธาตุ โดยนำโลหะมวลธาตุรู้อันศักดิ์สิทธิ์หลากหลายชนิดมาหุง หลอมรวมเป็นอริยะวัตถุธาตุสะสมคลื่นความถี่พลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ แผ่สนามชีวะพลัง กระแสไฟฟ้าแห่งคลื่นพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเม็ดแสง เม็ดเสียง เม็ดสี ที่อยู่เหนือกว่าเหนือความถี่ คือปฏิกริยานิวเครียร์ฟิวชั่น เกิดการระเบิดตัว แตกกระจายในระดับอะตอมของธาตุ กลายเป็นไอออน ไอยรูป ไอยธาตุ นิวตรอน โปรตรอน อิเลคตรอน ( จิตใฝ่สูง จิตใฝ่ต่ำ จิตกลางๆ ) เป็นกระแสจิตมีความถี่ที่ละเอียดอ่อน เปรียบเสมือนรังสีเอ็กซ์ที่มีความเจือจาง วิ่งทะลุทะลวงเข้าไปในเนื้อเยื่อ เส้นใยของเซลล์ชีวิตเกิดการเผาไหม้ ปลดปล่อย กลั่นตัว น้ำข้อมูลข่าวสาร คลื่นกระแสที่สะสมในกายหยาบออกมากับไอยรูป สายควันชีวเคมี
  • ทำให้เกิดการสะสางชำระ สสาร พลังงาน อะโรมาติก ไอเคมี รูปอารมณ์ ให้สลายเป็นไอ กรด แก้ส อากาศ ธาตุละเอียด เคลื่อนผ่านชั้นต่างๆ ของเนื้อเยื่อออกมาสู่จักรวาลภายนอก มวลอะตอมธาตุรู้จะเคลื่อนเข้าไปแทนช่องว่างของอะตอมธาตุหนักที่ถูกเผาไหม้ กลั่นตัวออกไป ช่วยปรับสมดุลให้กับเซลล์ทั้งระบบของร่างกาย เพราะเคมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ในมวลอะตอมสามารถนำไอยรูป ไอยธาตุ สสาร พลังงานที่กายและจิตจะนำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ชีวิตในรูปปฏิกริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น เป็นกระตุ้นจิตวิญญานอันศักดิ์สิทธิ์ หรือธาตุรู้ที่อยู่ในช่องว่างของมวลธาตุ ให้ปล่อยแสง สี ฌาณ สมาบัติ ฤทธิ์ อำนาจ พลังงานกลายเป็นคลื่นกระแสไฟฟ้าเคมีที่อยู่เหนือความถี่ เรียกว่า
    ” พลังงานศักดิ์สิทธิ์ คลื่นแห่งปาฎิหาริย์ “

 LINE : @mayakarnlanna

ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna

You cannot copy content of this page