การจุดเทียนบูชา ต้องมีความเชื่อ เป็นตัวเชื่อมคลื่นจิตของเรากับแรงครูบาอาจารย์ผู้เสกสร้าง ณ. เวลาแห่งฤกษ์ที่แจ้ง เจ้าชะตาเทียนบูชาต้องสงบจิต สวดมนตราคาถามหาโสฬส ทำสมาธิ เพื่อยึดโยงจิตเข้ากับแรงครู ดับจิตสำนึกลง เพื่อให้จิตใต้สำนึกเปิดและรับพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเข้าประสิทธิ์ไว้ กาลภพนี้คือพลังงานที่มีการหมุนเวียนประจุ อนุภาค วิ่งเข้าหาแลกเปลี่ยนสื่อสารพลังงานกันตลอดเวลา เราเชื่อสิ่งใด พร่ำบ่น สาธยาย คิด นึก ระลึกถึงสิ่งใดก็ดึงดูดสิ่งนั้น ไสยศาสตร์ พระเวทย์คาถา คือศาสตร์แห่งการใช้พลังจิตที่เข้มข้นเพื่อดึงดูดมวลสาร สร้างภาพแห่งมโนยิทธิให้สำเร็จสมปรารถนาตามอธิษฐาน การรวมตัวกันของธาตุอ๊อกซิเจนกับไฮโดรเจนทำเกิดน้ำ ที่จับต้องมองเห็นได้ฉันท์ใด แรงจิตอันเข้มข้นก็สามารถยึดโยงธาตุทั้งหลายอันเป็นสัดส่วนตามปรารถนาให้ดึงดูดเข้ามารวมกัน บังเกิดเป็นสสาร หยิบจับสัมผัส รู้สึกได้ ในโลกเนื้อหนังฉันท์นั้น
พุทธอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งพุทธมนต์คาถาเมื่อเข้าถึงคลื่นสภาวะแห่งจิตวิญญาณใด และจิตนั้นรับไว้ด้วยปิติสภาวะ ศรัทธาสภาวะ ย่อมเปลี่ยนพลังงาน เปลี่ยนคลื่นความถี่แห่งกรรมในดวงชะตา คลายพลังงานให้เบาบางลง ยกดวงชะตาให้สูงส่งขึ้น ประสบพบสิ่งดีงาม แคล้วคลาดสิ่งร้าย คิดถูกคิดตรง เป็นที่เมตตาแก่สรรพคลื่นจิต เทวบุตร เทวดา และคนทั้งหลาย พลังงานแห่งเจ้ากรรมนายเวรที่แฝงอยู่ในจิตซึ่งเป็นพลังงานระดับต่ำจะอยู่ไม่ได้ต้องสลายไป รวมถึงอุปสรรค ปัญหา ไอโรค ก็จักสิ้นสูญได้ด้วยพุทธอำนาจที่บรรจุไว้ในแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนบูชา