• เครื่องรางที่นิยมสร้างขึ้นเพื่อแก้อาถรรพ์อันเกิดจากราหู โดยนิยมสร้างด้วยกะลาตาเดียว มักจะทำเป็นคู่แห่งสุริยะประภาและจันทรประภา คือการจำลองเหตุการณ์ สุริยคราสและจันทรคราสขึ้น แล้วอาศัยอำนาจแห่งพุทธคุณช่วยให้สุริยเทวบุตรและจันทรเทวบุตร รอดพันจากภัยที่เกิดจากราหู อุปมาดั่งบุคคลผู้มีภัยอันตรายจากสิ่งต่างๆ อำนาจพุทธคุณ จากยันต์กะลาราหูนี้จะช่วยให้พ้นภัยนั่นเอง
• เมื่อเกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว คนโบราณจึงช่วยกันตีฆ้องร้องป่าว เคาะต้นไม้ ตีปี๊บ ฯลฯ เพื่อจะได้ช่วยกันขับไล่ราหูให้พ้นจากพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ เพื่อให้ความสมบูรณ์แห่งธรรมชาติกลับคืนมาอีกครั้ง อีกนัยยะหนึ่ง คือการร้องขอพลังอำนาจแห่งดาวทั้งหลาย ที่กำลังกลืนกินกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสมสู่ของดวงดาว อันเป็นต้นกำเนิดและนำพามาซึ่งความอุดมสมบูรณ์
• ปราชญ์ล้านนาได้ผูกโยงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติดังกล่าว ให้เชื่อมโยงเข้ากับเรื่องราวทางพุทธศาสนา โดยได้กล่าวว่าสุริยเทวบุตรและจันทร์เทวบุตร ได้อธิษฐานจิต ร้องขอพลานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าเข้ามาช่วยเหลือ ให้ตนทั้งสองพันจากทุกขภาวะอันเกิดจากราหูดังนี้ ส่วนเทวบุตรทั้งสองอันถูกราหูกลืนกินอยู่นั้นก็กลัวมากนักก็พากันสั่นระสายไปมา จึงระนึกถึงคุณพระพุทธเจ้า แล้วกล่าวว่า ภันเตข้าแต่เจ้ากูตน พ้นจากอุปัทวะกังวลอันเป็นทุกข์ทั้งมวล บัดนี้ตนข้าก็ได้ถึงยังทุกข์อันเป็นกังวล คือได้ถึงอำนาจแห่งข้าศึกก็มีฉันนี้แล ขอพระพุทธเจ้าจุ่งเป็นที่พึ่งแก่ข้าผู้อุปัทวะทั้งมวล อันหันมาป่านนี้เต๊อะ พระพุทธเจ้าตนประกอบด้วยมหากรุณาก็ปรารภซึ่งขาทั้งสอง แล้วก็กล่าวคาถาถึงราหูว่า ดูราอสุรินทะ ขาทั้งสองได้ถึงซึ่งพระตถาคตผู้เป็นอรหันตาสัมมาสัมพุทธะ ด้วยอาการว่าขอเป็นที่พึ่ง พระตถาคตทั้งหลายเทียรย่อมกรุณาโลกทั้งมวลดีหลี เหตุดั่งอั้นท่านราหูงวางเทวบุตรทั้งสองนั้นเสียเต๊อะ พระพุทธเจ้าจึงกล่าวพระปริตรสูตรหื้อเป็นที่พึ่ง แก่เหล่าเทวบุตรทั้งสองตน เมื่ออั้นราหูอสุรินทะเทวบุตรก็เป็นอันด่วนอันรีบมากนัก ก็สวะวาง ยังจันทร์เทวบุตรและ สุริยเทวบุตรเสีย แล้วราหูจึงหนีไปยังที่อยู่แห่งพญาไอศวรตนชื่อเวปจิตติอสุรินทร์ เมื่อเข้าไปแล้วก็ยังตกใจกลัวสะหลั้งเส้นขนลุกอยู่ทีหนึ่ง พญาไอศวรตนชื่อเวปจิตติก็เอ่ยถามยังราหูว่า เหตุใดท่านมีสภาวะดังนี้ ด้วยอันรีบอันด่วนปลงวางยังจันทวิมานแลสุริยะวิมาน แลท่านเป็นสภาวะอันสะดุ้งตกใจกลัวเหตุดังรือถึงเข้ามายืนอยู่ที่นี้นั้นจา เมื่อนั้นราหูจึงกล่าวแก่พญาไอศวรว์ อะหังอันว่าข้านี้อันพระพุทธเจ้าตนประเสริฐหากหื้อข้ากลัวด้วยคาถา คันว่าได้ยินแล้วบ่วางเสียดั่งอั้นหัวแห่งข้าจักแตกเป็น ๗ เสี่ยงชะแล