ตำนาน.. พุทธฤทธิ์พระยันต์สุริยประภา-จันทรประภา

บันทึกอิทธิอำนาจพระราหูมีไว้ว่า ยามถึงคราวเคราะห์ทุกข์ภัย พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ดวงตกต่ำย่ำแย่ ชีวิตพลิกผัน พระราหูจะกลืนกินทุกข์ร้ายอาถรรพณ์ได้หมด ผู้ใดพกพาบูชาพระราหูติดตัวไว้เป็นเนื่องนิตย์ จะพบแต่ความรุ่งเรืองสำเร็จ มีอำนาจ ตบะ เดชะ เหนือกว่าคนทั้งหลาย ทุกข์หนักเคราะห์กรรมหนาสักเท่าใด ก็จักผ่านได้ จักพ้นได้อย่างเร็วไว ไปถึงความสำเร็จสมหวังตามเป้าหมายได้ทุกประการ

บันทึกอิทธิอำนาจแห่งพระยันต์สุริยประภา จันทรประภา ที่ต้องประสิทธิ์รวมไว้กับพระราหูนั้น ท่านว่าเป็นยันต์แห่งขุมทรัพย์ ดังตำรากล่าวไว้ว่า

“สิทธิการิยะ ยันต์นี้ประเสริฐกว่ายันต์อื่นใดในโลก ถ้าบุคคลใดปรารถนาสมบัติ แก้ว แหวน เงินทองทุกประการบูชาพระยันต์นี้ เถิด

ตำนานกล่าวไว้ว่า มีพระฤาษีสองตน อาศัยอยู่ ณ.เขายุคนธรในยุคโบราณกาล ฤาษีทั้งสองสำเร็จพระเวทย์และเจนจบทางธรรม บรรลุฌานสมาธิชั้นสูงสุด บรรลุถึงไกวัลย์ภูมิ มีจิตเป็นหนึ่งกับพระผู้เป็นเจ้าแล้วอย่างสมบูรณ์ เป็นมหาโยคีผู้ประเสริฐยิ่ง ทรงไว้ด้วยเมตตาพรหมวิหาร เมื่อท่านส่องดูด้วยญาณหยั่งรู้จากอำนาจฌานสมาบัติ ว่าในกาลภายหน้าจักมีทุกข์ภัยเวทนาหนักหนา หาสมบัติมิได้ โลกมนุษย์จะมีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย คนจะฆ่ากันตายด้วยราคะ โทสะ โมหะ ข้าวยากหมากแพง คนแล้งน้ำใจ มีคนอธรรมมากว่าคนดีมีศีลธรรม

ด้วยจิตอันมีเมตตากรุณาของมหาโยคีทั้งสอง ท่านจึงคิดทำสิ่งหนึ่งอันเป็นที่พึ่งแก่กุลบุตร กุลธิดาที่จะมาเกิดในยุคต่อไป ฤาษีทั้งสองจึงผูกผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์เป็นมหายันต์อันประเสริฐ ผู้ใดบูชาไว้ย่อมไม่อดอยากยากจน บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง ข้าวปลาอาหาร และพ้นจากภยันอันตรายทั้งปวง ยันต์ดังกล่าวเรียกว่า “ยันต์สุริยะประภาและยันต์จันทรประภา” ใช้คู่กันถือว่าประเสริฐดีนัก ฤาษีตนหนึ่งสร้างยันต์ “สุริยประภา” อีกตนหนึ่งสร้างยันต์ ” จันทประภา” มีพุทธฤทธิ์อิทธานุภาพเปรียบดั่งราชาจักรวาลพระราหูอสุรินทร์ผู้ทรงฤทธิ์ จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยากยิ่ง แม้ว่าสมบัติบรมจักรพรรดิ สมบัติพระอินทร์ ดวงแก้วมณีโชติ ก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้งสองนี้ได้ ผู้ที่หวังเจริญในลาภยศ ปรารถนาความมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติเงินทองลาภผล ก็ให้สร้างขึ้นและนำไปบูชาเถิด โดยให้จุนเจิมด้วยสีผึ้งวิเศษ น้ำมันหอม เก็บใส่ตลับเงินตลับทองคำเอาขึ้นบูชาอธิษฐานไว้เถิด จะมิรู้อดรู้อยาก ไม่มีวันตกทุกข์ได้ยากตกต่ำได้เลย

เมื่อจะทำพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังอาสนะขึ้น ๒ ที่ บูชาสักการะด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนบูชาพระอาทิตย์ สิ่งละ ๖ ที่ บูชาพระจันทร์สิ่งละ ๑๕ ที่ ให้เลือกเอาวันเพ็ญสุริยะคราส คืนดับวันจันทรคราส เมื่อกระทำนั้นให้ชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อนแล้วจึงกระทำ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้ เวลากลางวันให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาสุริยประภา เวลากลางคืนให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา

การสร้างราหูกะลาตาเดียวล้านนาจะสร้างขึ้นจากกะลาตาเดียววัตถุธาตุกายสิทธิ์ แกะเป็นคู่มีสองฝา ฝาหนึ่งแกะรูปพระราหูอมพระอาทิตย์และนกยูงคำด้านนอก จารยันต์สุริยประภาด้านใน อีกฝาหนึ่งแกะรูปพระราหูอมพระจันทร์และกระต่ายคำด้านนอก จารยันต์จันทรประภาด้านใน ปลุกเสกให้ได้ ๗ คาบแห่งคราสตามตำราจึงจะประสิทธิผลทางด้านความศักดิ์สิทธิ์

การสร้างเครื่องรางรูปพระราหู มีการกระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ในบทประพันธ์เรื่อง “พระอภัยมณี” ของท่านสุนทรภู่ มีการกล่าวเอาไว้ถึงเครื่องรางรูปพระราหูเอาไว้ว่า นางละเวง มีเครื่องรางเป็นรูปตราพระราหูแขวนประจำกายอยู่ คืนหนึ่งนอนหลับไปแล้วมี ” อ้ายย่องตอด “ ซึ่งเป็นผู้มีวิชาแกร่งกล้าทางไสยศาสตร์ ชอบจับสัตว์และดูดเลือดคนกินเป็นอาหารลอบเข้าไปทำร้าย แต่พอเห็นตราพระราหูที่แขวนประจำกายของนางละเวงก็ไม่อาจทำร้ายได้ดังกลอนที่ว่า ” เห็นโฉมยงทรงตราพระราหู สังเกตดูดังนารายณ์กายสิทธิ์  ด้วยเดชาการุญบุญฤทธิ์ มันกลัวผิดเข็ดหลาบลงกราบกราน “

การสร้างเครื่องรางรูปราหู วัสดุที่นำมาสร้างตำราโบราณบันทึกไว้ชัดแจ้งว่า จะต้องเป็น ” กะลามะพร้าวตาเดียว “ คือกะลามะพร้าวโดยทั่ว ๆ ไปนั้น จะมีรูอยู่ ๓ รู เป็นรูงอก ๑ รู และเป็นตาอีก ๒ รู แต่กะลามะพร้าวตาเดียวนั้นจะมีเพียงตาเดียว ไม่มีรูงอก ถือเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวเอง แม้ว่าไม่ได้ผ่านการปลุกเสกก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณได้กล่าวกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษอเนกอนันต์ยิ่งนัก

คุณวิเศษกะลาตาเดียว

๑. ใช้ตักข้าวสารใส่หม้อเวลาหุงหารับประทาน หากว่าประกอบอาชีพธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนบริบูรณ์ หากเป็นชาวนาชาวไร่ก็จะทำให้ข้าวในนาและพืชไร่งอกงามดี  และหากว่าเป็นข้าราชการก็จะเจริญด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเข้าขุนมูลนายเป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น ๆ

๒. ใช้ทำเครื่องรางของขลัง เพราะกะลามะพร้าวชนิดนี้ มีอาถรรพ์ในตัวเองอยู่แล้ว หากว่านำมาปลุกเสกประจุอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น

๓. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ และภูติผีปิศาจได้

๔. บูชาอยู่เป็นประจำจะทำให้เกิดโชคลาภอยู่สม่ำเสมอ ทรัพย์สมบัติและเงินทองจะไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

๕. ใช้สำหรับเป็นเครื่องมือของหมอโบราณ ในการตัดต้อที่ตาของคนให้หายขาดได้

นอกจากกะลาตาเดียวที่ใช้สร้างเป็นเครื่องรางรูพระราหูแล้วก็ยังมี ” กะลามหาอุด “ อีกด้วย ที่ตำราบอกว่าใช้สร้างเป็นรูปพระราหูได้เหมือนกันและยังมีอิทธิฤทธิ์ประเสริฐอย่างยิ่งเหนือกว่ากะลาตาเดียว หาได้ยากมากหนึ่งในล้านจึงพบสักหนึ่งลูก

ราหูกะลามหาอุดนี้แม้ใครมีไว้ ท่านว่าเปรียบดั่งมีดวงแก้วสารพัดนึกอยู่กับตัว เป็นกะลาวิเศษมีลักษณะคือ ไม่มีรูตา ไม่มีรูงอก ทึบหมดทั้งลูก คนโบราณถือว่าเป็นของดีที่มีคุณวิเศษหลายอย่างเช่น มหาอุด และโชคลาภรวมทั้งคุณวิเศษด้านอื่น ๆ เหมือนกะลาตาเดียว ยิ่งเจอกะลามหาอุดเนื้อตันตกน้ำมัน จะยิ่งมีพลังชีวิตมาก อาถรรพ์แรง ศักดิ์สิทธิ์อย่างยอดยิ่ง

ถ้าหากท้าวพระยาเจ้านายท่านโกรธให้เอายันต์สุริยะประภาคานั้นจุณเจิมด้วยเครื่องหอม จึงเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคานี้ให้ได้ ๓ ที จึงนำเอาติดตัวไป ท่านเห็นหน้าเข้าหายโกรธเคืองสิ้นแล

ถ้าบริวารหลบหนีไปให้เขียนชื่อผู้ที่หลบหนีไปใส่กระดาษแล้วเอายันต์จันทรประภาคาทับ เสกด้วยคาถาจันทรประภาคาผู้นั้นจะหนีมิพ้นเลย ถึงหนีไปก็กลับคืนมาแล

ถ้าหากภรรยาหรือสามีไม่รักใคร่เอาใจออกห่างคิดจะหนีไป จึงให้เขียนชื่อเขาเข้าเอายันต์จันทรประภาทับเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เขาจะบังเกิดความรักใคร่ไปมิพ้นเราเลย ถึงหย่าร้างกันแล้วก็กลับมาดีกัน

ผิว์ว่าจะปลูกพืชผลให้เจริญงอกงามทุกชนิด จึงให้เอายันต์จันทรประภาคามาเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา แล้วสาธยายคาถาว่า ” โอม เชยยะสัมปัตติ มหาเชยยะสัมปัตติ เชยยันติ โอมทุเร สวาหะ เลิกมัตคะ สวาหะฯ ๑๒ คาบ ” แล้วทำจิตให้ดีอธิษฐานเอาเถิดได้ผลงอกงามเจริญนัก

ผิว์ว่าจะเข้าประจัญด้วยข้าศึก ให้เอายันต์สุริยะประภาคาจุณเจิมด้วยเครื่องหอม เสกด้วยคาถาสุริยะประภาคา แล้วจึงนำติดตัวไปด้วยเป็นเครื่องป้องกันอาวุธ หอก ดาบ หน้าไม้ ปืนไฟ หาอันตรายมิได้เลย

เครื่องรางพระราหู

• จากคติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับพระราหูนั้น แสดงให้เห็นว่าพระราหูเป็นผู้เปี่ยมด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ พลังอำนาจแห่งพระราหูเป็นพลังงานอันเร้นลับ แม้รูปเคารพแห่งพระองค์หากปรากฏอยู่ ณ สถานที่ใด สถานที่นั้นย่อมปลดภัยจากภูตผีปีศาจ ด้วยเดชบารมีอันน่าเกรงขามแห่งพระราหูนั่นแล ครูบาอาจารย์ทั้งไทยและลาว เขมร และในอินเดียเองก็มีคติบูชาพระราหูสืบๆ  กันมาอย่างยาวนาน ยันต์พระราหูของชาวอินเดียทำด้วยแผ่นทองแดง มีลายเป็นรูปงูขดตัวไขว้ไปมา คนที่มีพระราหูเข้าสู่ดวงชะตาท่านให้บูชายันต์นี้ เป็นพระราหูเมื่อแรกเกิดมา ครึ่งบนเป็นยักษ์ ครึ่งล่างเป็นงู ยันต์พระราหูจึงทำเป็นรูปตัวงูไขว้ไปมาก็ได้

ส่วนในไทยนั้นเครื่องรางพระราหูเป็นที่รู้จักเคารพศรัทธาอย่างกว้างขวาง ในหมู่ผู้เคารพศรัทธาในเครื่องรางของขลังจะรู้จักกันดีว่า เครื่องรางพระราหูมีอิทธิคุณเข้มขลังยิ่งนัก ใช้กันภูตผีปีศาจได้ ยกดวงคุ้มครองดวงรักษาดวงชะตาทั้ง ๘ ทิศ อันดับพระนพเคราะห์ของพระราหูคืออันดับที่ ๘ มีกำลังเป็น ๑๒ ด้วย หมายความว่าอำนาจแห่งพระราหู จะช่วยปกป้องคุ้มครองดวงชะตาของบุคคลทั้งหลายทั้ง ๑๒ ราศี โอบอุ้มบดบังดวงจันทร์และอาทิตย์คือพลานุภาพแทนมหาอำนาจแห่งมหาจักรวาล ( ราหูคือโลก คือแรงจิตมนุษย์ ที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่มากในจักรวาล )

กะลาราหูล้านนา เป็นหนึ่งในเบญจภาคีเครื่องรางล้านนา ใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้าย ในภาคเหนือจะพบรูปพระราหูแกะตามบ้าน บันไดวิหาร ไม้แกะ หรือบานประตู ที่เรียกว่าหำยนต์ ส่วนกะลาตาเดียวตามตำราโบราณ เป็นของทนสิทธิ์มีฤทธิ์ในตัวเป็นเครื่องรางยอดนิยมของคนล้านนา พกบูชาแกะรูปพระราหูติดตัวเพื่อป้องกันเคราะห์ยามร้าย บูชาเมื่อยามมีเคราะห์ หรือรู้ตัวว่ามีเคราะห์ จิตใจเศร้าหมองเดือดเนื้อร้อนใจ เชื่อกันว่าเพื่อพกติดกายบูชากะลาพระราหู จะแคล้วคาดจากภัยอันตรายทั้งปวงประสบโชคอยู่เย็นเป็นสุข ทั้งพระราหูยังบันดาลทรัพย์สมบัติ อำนาจ และเมตตามหานิยม ข่ามคง ข่ามขลังครบสูตรอีกด้วย

ติดต่อบูชา LINE : @namotasa

You cannot copy content of this page