การปลุกเสกวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ด้วยการใช้สมถฌานกรรมฐานเป็นกำลัง

หลักการคือ พระเกจิผู้ปลุกเสกต้องสำเร็จฌานระดับจตุตถฌาน หรือฌาน 4 ขึ้นไป การปลุกเสกเริ่มจากการตั้งสมาธิจากสมาธิขั้นกลางจนได้สมาธิระดับจตุตถฌานหรือฌาน 4 หรือสูงกว่านั้น แล้วก็คลายสมาธิลงมาในสมาธิขั้นกลางแล้วจึงอธิษฐานจิต หรือว่ามนต์คาถา จึงทำให้วัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งการปลุกเสกแบบสมถฌานกรรมฐาน มี 5 วิธี ขึ้นกับพระเกจิเจ้า ว่าท่านชำนาญแบบใด

1.วิธีการสวดอัดประจุคาถา
การเสกว่าคาถาบทสวดต่างๆ เช่น บทสวดเจ็ดตำนาน คาถาชินบัญชร เป็นการอาราธนาบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเทวดา หรือพรหมมาช่วย บางคาถาก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด เรียกว่าคาถาพุทธาคม ซึ่งสมาธิขั้นฌาน 4 เป็นต้นไป จะว่ากล่าวคาถาพุทธาคมบทใด ก็ล้วนบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น

ส่วนการบริกรรมคาถาอาคมนั้น ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอยู่กับบทมนต์คาถาทุกอักขระที่ประจุ เคล็ดวิชาขั้นตอนพิธีการ และแรงจิตของครูบาอาจารย์ผนวกรวมกัน หากผู้เสกที่เป็นพระเกจิ หรือฆราวาสเป็นผู้มีวิชาอาคมมาก และสร้างถูกต้องตามตำรา และได้รับการครอบครูบาอาจารย์ถ่ายทอดวิชามาอย่างถูกขั้นตอน วัตถุมงคลย่อมมีพลังสูงมาก ปลุกเสกต้องถึงแก่นแท้ เช่น ถ้าบูรพาจารย์กำหนดให้จัดเครื่องบูชาครูในวันพฤหัส ขึ้น 15 ค่ำ ก็ต้องรอวันดังกล่าวถึงเริ่มพิธีกรรมได้ และเสกวัตถุมงคลให้ได้อย่างน้อย 7 เสาร์ 9 อังคาร และปลุกเสกเดี่ยววันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เป็นต้น

คาถาอาคมเป็นเรื่องลี้ลับ เป็นเรื่องของพลังอำนาจจิต ต้องอาศัยศรัทธาเชื่อมพลังจิตที่ประสิทธิ์ในวัตถุอาถรรพณ์ เปิดช่องทางของปาฏิหาริย์ ให้ผู้ประสบพบได้ว่า ความศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งพุทธาคมมีอยู่จริง อาศัยจิตที่สำเร็จและแรงวิญญาณของครูบาอาจารย์ผนึกรวมกัน ช่วยประสิทธิ์ทุกอย่างให้สัมฤทธิ์ผล

2. วิธีการอธิษฐานจิต

ทำได้สองแบบ แบบแรก คือ การอธิษฐานจิตอ้างถึงการอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมหรือเทวดาชั้นฟ้าทั้งหมดขออนุเคราะห์ท่านมาช่วยดลบันดาลให้พระเครื่องสร้างขึ้นนี้สูงสุด ด้วยพระพุทธานุภาพ และกฤตยานุภาพ

แบบที่สอง อธิษฐานจิตอ้างถึงบุญญาบารมีคุณงามความดี ความมีศรัทธาของพระบวรพุทธศาสนา และผลบุญกุศลที่ตั้งมั่นอยู่ในการประกอบแต่กรรมดี ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติของตัวพระเกจิเจ้า หรือฆราวาสตัวผู้ปลุกเสกเอง ได้ช่วยดลบันดาลให้วัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่สร้างขึ้นนี้ สูงสุดด้วยพระพุทธานุภาพ กฤตยานุภาพ และอิทธิฤทธานุภาพ คุ้มครองให้คลาดแคล้วผองภัยพิบัติ อำนวยความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่ได้นำไปสักการบูชา โดยมีหลักการ เริ่มจากการเข้าสมาธิให้เข้าถึงจตุตถฌานเรียกอีกอย่างว่าฌาน 4 เป็นอย่างต่ำ หรืออย่างสูงเข้าถึงญาณสมาบัติ 8 แล้วก็คลายสมาธิลงระดับสมาธิขั้นกลางแล้วจึงอธิษฐานจิตเสกวัตถุมงคล หรือ คลายสมาธิลงจากขั้นฌานมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมดเป็นแก้วประกายพฤกษ์ทั้งหมดแล้วจึงเข้าสมาธิใหม่ จัดเป็นโลกุตรญาณ แล้วก็อธิษฐานจิต (ที่มา หนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)

3. วิธีเจริญกัมมัฏฐานเดินอารมณ์กัมมัฏฐานเพ่งกระแสจิตไปยังวัตถุมงคล
ถ้าให้เป็นเมตตาระหว่างนั่งเราก็กำหนดอารมณ์ที่สงบนิ่ง เยือกเย็น ในการเจริญกัมมัฏฐาน แต่ถ้าต้องการให้อยู่ยงคงกระพัน ก็ใช้อารมณ์ที่แข็งกร้าว กล้าหาญมั่นคง ในการเจริญกัมมัฏฐาน หรือการเพงกสิณไฟในการปลุกเสกให้เกิดพลังอันยิ่งยวด

4. วิธีทิพพจักขุญาณ ถ้าพระเกจิที่ท่านถึงทิพยจักษุญาณ ท่านจะอัญเชิญอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทำ เช่น พระพุทธเจ้าบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอริยสงฆ์บ้าง เทวดาชั้นฟ้าบ้าง พรหมบ้าง อันนี้ก็สบายดี แต่หากว่าทำเองไม่ช้ามันก็เจ๊ง ตัวเองยังคุ้มครองตัวเองไม่ค่อยได้ คนทำมันก็ตายนี่ แล้วมันจะไปคุ้มครองความตายของใครเขาได้ นี่ว่ากันตามธรรมดานะการเสกพระ หรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสีย เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมดทุกท่าน ทุกองค์ เทพพรหมองค์เทวบุตรเทวดาทั้งหมด ขอเชิญท่านมาช่วย ท่านทำประเดี๋ยวเดียวอึดใจเดียวก็เสร็จสำเร็จ ดีกว่าเราทำเอง 1,000 ปี แล้วเราจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน ขอเชิญท่านประจุพร ให้ใช้ได้ตามวัตถุประสงค์

5. วิธีประจุหัวใจธาตุ ปลุกอาคมพระเวทย์ ตั้งจิต ตั้งธาตุ หนุนธาตุ เรียกอาการ 32 เรียกนาม จนเกิดเป็นวิญญาณอุบัติขึ้นมา โดยนั่งปรกบริกรรมเรียงล้อมวัตถุมงคลโดยรอบหรือนั่งปลุกเสกบริกรรมทั้ง 8 ทิศ เดินกระแสจิต อณุโลม ปฏิโลม เพื่อให้วัตถุบริสุทธิ์ต่อด้วยอาการ 32 เพื่อปลุกพลังชีวิต พลังจิต พลังวิญญาณให้วัตถุมงคลเกิดพลังอำนาจประดุจดังมีชีวิตจริง รับรู้ได้จริง และรู้เห็นภัยอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้เคหะสถาน หรือตัวบุคคลที่มีวัตถุมงคลติดตัว และอธิฐานจิตได้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ครอบครองวัตถุมงคล คือการรับรู้ และเดินธาตุ 4 เตโช ปฐวี วาโย อาโป คือ ธาตุ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ

 

ติดต่อบูชา LINE : @namotasa

ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna

You cannot copy content of this page