ทำไม? น้ำมนต์จึงศักดิ์สิทธิ์

“น้ำมนต์” คือน้ำที่ผ่านการสาธยายมนตรา คาถาวิเศษ ปกติจะสำเร็จด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ในงานพิธีมงคลต่างๆ รวมทั้งการเสกของพระภิกษุ หรือ คฤหัสถ์ผู้ทรงวิทยาคุณ กล่าวคือผ่านการทำสมาธิที่แน่วแน่
และพระปริตร ที่เป็นมนต์ทางศาสนามาแล้ว
  • น้ำมนต์ นิยมนำมาอาบ ดื่ม หรือประพรมที่ศีรษะ ภายในบ้าน บริเวณบ้าน ป้ายร้านค้า เป็นต้น” เพื่อเพิ่มความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ ผู้จัดทำส่วนใหญ่จะนำน้ำมนต์จากพระอารามหลวง ๗๗ จังหวัด มาเทผสมรวมกัน

คติความเชื่อเรื่องน้ำมนต์นั้น นอกจากความเป็นสิริมงคลสำหรับผู้ประพรม อาบ และดื่มแล้ว ยังมีคติความเชื่อด้วยว่า น้ำมนต์ยังนำความสวัสดีมีโชคมาให้ ตลอดถึงกำจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคล อันตราย ภัยพิบัติต่างๆ ได้

  • มีการทดลองในญี่ปุ่น เกี่ยวกับน้ำที่ได้รับพลังจิตทั้งทางดีและทางร้าย ซึ่งมีผลทำให้รูปผลึกของน้ำเปลี่ยนแปลงไปในทางสวยงาม หรือน่าเกลียด ได้ทั้ง ๒ ทาง ทั้งนี้ จากการทดลองของ มิสเตอร์มาซารุ เอโมโตะ โดยถ่ายรูปผลึกของน้ำ เมื่อผ่านการฟังเสียงพูด เสียงเพลง ฯลฯ ที่มีเจตนา อารมณ์ ต่างๆ กัน ผลึกของน้ำก็จะแตกต่างกันไปด้วย มีทั้งสวยงามและไม่สวยงาม การทดลองนี้ไม่ใช่บังเอิญ เพราะเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้ตัวอย่างนับร้อยๆ และทำซ้ำๆ กัน ที่สำคัญ คือ ผลงานนี้ก็ได้เผยแพร่ให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้รับรู้ด้วย จึงมีคำถามตามมาว่า ทำไมจึงรับ พลังจิต ได้หลากหลาย จนกลายเป็นน้ำมนต์ น้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีกันทั่วโลกหลายพันปีแล้ว และกลายมาเป็นน้ำรักษาโรค
ความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ สามารถอธิบายด้วยฟิสิกส์ควอนตัมได้ว่า.. อนุภาคที่เป็นส่วนย่อยของอะตอมน้ำ ประกอบด้วย อะตอมของไฮโดรเจน และออกซิเจน มาจับตัวกัน (H๒O) โดยอะตอมของธาตุใดก็ตาม ก็จะมีนิวเคลียส (ประกอบด้วยโปรตอน และนิวตรอน) มีอิเล็กตรอนวิ่งอยู่รอบๆ โปรตอนและนิวตรอน แยกเป็นอนุภาคย่อยได้อีก เรียก ควาร์ก (Quark) มีหลายชนิด แต่เรียกรวมๆ กันได้ว่า เป็นอนุภาคควอนตัม สรุปว่า อนุภาคควอนตัมนี้ มีอยู่ในอะตอมของทุกๆ ธาตุในโลก ไม่ว่าของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ และอนุภาคควอนตัมนี้ มีคุณสมบัติแปลกๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
  • ๑.อนุภาคควอนตัม อาจแสดงตัวเป็นมวล (สสาร) หรือเป็นคลื่น (พลังงาน) ก็ได้ แล้วแต่สิ่งแวดล้อม เช่น เมื่อคนส่งจิตไปดูมัน มันจะเปลี่ยนสภาพจาก คลื่น เป็น มวล ได้
     
    ๒.อนุภาคควอนตัมตัวเดียว อาจแสดงพฤติกรรมเสมือนว่า มันอยู่ได้หลายๆ ที่ในเวลาเดียวกัน (เช่น วิ่งลอดช่องที่เจาะไว้ ๒ ช่อง หรือหลายๆ ช่องได้พร้อมๆ กัน
     
    ๓.อนุภาคควอนตัมที่มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน เมื่อถูกจับแยกให้อยู่ห่างกัน แม้จะไกลเท่าใดก็ตาม (ห่างกันระยะเป็นปีแสง หรือ สุดขอบจักรวาล) มันก็จะรับส่งข้อมูลติดต่อกันได้ ด้วยความเร็วมากกว่าแสง
อาจกล่าวได้ว่า อนุภาคควอนตัมเสมือน มีจิต หรือตัวรู้ (วิญญาณ) ที่ติดต่อกันได้ ด้วยความเร็วของจิต (ซึ่งมากกว่าแสง) จากผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ผสมจากความเชื่อและประสบการณ์แต่โบราณของชาวไทยเรา เชื่อว่า น้ำ ที่กลายเป็น น้ำมนต์ นั้น มี พลัง ที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บ สร้างความสุขสวัสดีแก่ผู้ที่นำไปใช้
  • นอกจากนี้แล้ว ในเมืองไทย พระภิกษุผู้ปฏิบัติกรรมฐานได้ฌานระดับต่างๆ ก็ย่อมมีพลังจิตสูงแน่วแน่กว่าบุคคลธรรมดามาก สามารถส่งพลังจิตในแนวทางที่ต้องการ เพื่อบรรจุไว้ในน้ำ (หรือวัตถุมงคลอื่นๆ) ในการสวดมนต์บทต่างๆ ในพิธีกรรมนั้น เมื่อแปลดูก็จะเห็นได้ว่า บทสวดมนต์แต่ละบทมีจุดมุ่งหมายต่างๆ กันไป เช่น
บทสวดชินบัญชร ก็เป็นการอาราธนาพระพุทธเจ้าและสาวก ให้มาคุ้มครองให้มีความสวัสดี เหมือนมีเกราะแก้วป้องกันภัย ในขณะที่บทสวดโพชฌังคปริตร ก็น้อมนำเอาองค์แห่งการรู้แจ้ง ๗ ประการ มาช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนบทสวดมงคลปริตร ก็เป็นการน้อมนำเอามงคลทั้ง ๓๘ ประการ จิตที่มีความเมตตากรุณา จิตที่อยากให้ผู้รับ ปราศจากทุกข์โศกทั้งปวง
จิตที่อยากให้ผู้รับพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ หรืออยากให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง มาก่อให้เกิดความเจริญความสวัสดีแก่ตน เป็นต้น
“เมื่อพระภิกษุ หรือใครก็ตาม ที่มีพลังจิตสูง ส่งพลังจิตอย่างใดอย่างหนึ่งโดยผ่านการสวดมนต์ พลังจิตชนิดนั้นๆ ก็จะไปบันทึกไว้ในน้ำ (หรือวัตถุมงคลอื่นๆ) สามารถถ่ายทอดออกมา นำเอาไปใช้ในโอกาสที่ต้องการ คือ ผู้ใช้ต้องตั้งจิตแน่วแน่ ขอรับเอาพลังในสิ่งนั้นๆ มาใช้ให้เกิดผลดีกับตน ก็คงเป็นคำอธิบายโดยสั้นที่สุด ที่จะเป็นได้ว่า ทำไมน้ำมนต์ และวัตถุมงคลอื่นๆ จึงศักดิ์สิทธิ์ โดยใช้หลักการทั้งจากพุทธศาสนา และวิทยาศาสตร์ มาผสมกัน

ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna

ติดต่อบูชา LINE : @mayakarnlanna

You cannot copy content of this page