อุปเท่ห์แห่งศาสตร์วิชาเสือ

เสือ เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีอำนาจตบะแรง พลังจิตสูง สามารถกำหนดสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ เมื่อเรียกว่า “เสือ” ก็คือความเก่งกาจกล้าหาญ จิตใจเด็ดเดี่ยว พลังจิตเข้มข้น ปราศจากความกลัวเกรงใดใด เสือคือสัญญาลักษณ์แห่งอำนาจ ราชศักดิ์ เป็นที่เกรงขาม เกรงกลัว ต้องอยู่ในอำนาจ ผู้ที่พกเขี้ยวเสือติดตัวจึงมีพุทธคุณแห่งฤทธิ์ทั้งปวงของอำนาจเสือคุ้มครองในสนามพลังงาน จะหนุนพลังจิตให้กล้าหาญ มีอำนาจ กล้าคิด กล้าทำ ด้วยปัญญาอันลุ่มลึก ฉลาดปราดเปรื่อง มีอำนาจเหนือคนทั้งหลาย มีบารมีชนะอุปสรรคทั้งปวง นำไปสู่ความสำเร็จนานัปประการแก่ชีวิต

การปลุกเสกเขี้ยวเสือ ต้องปลุกเสกด้วยฌานระดับสูง

สื่อจิตกับพลังงานแห่งธาตุกายสิทธ์ขานนามทีละตน ไม่ปลุกเสกรวม อัญเชิญองค์ครูปู่ฤๅษีมาร่วมในการปลุกเสก ปลุกฤทธิ์ จารอักขระกำกับคาถาประสิทธ์พลังด้วยกำลังญาณประสิทธิจิตอำนาจแห่งเสือ 

“ทุกสิ่งล้วนสำเร็จได้ด้วยจิต” ผู้ใดพกเขี้ยวเสือติดกาย จึงมีฤทธิ์แห่งจิตที่กล้าแกร่งและทรงพลังมาก คิดสิ่งใดกระแสความคิดจะเข้มข้น มีพลังอำนาจ แม้เรื่องยากก็จะสำเร็จได้ ติดต่อการใดใดจะเหนือเขา ไม่มีใครเหนือเราได้ จะคุมจิตสะกดใจคนได้ มีสนามกาย สนามจิต เกิดรัศมีสง่าด้วยมหาอำนาจ เดชะ บารมี เสน่ห์ เมตตามหานิยม ดั่งพญาเสือ

กฎแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ คือกฎแห่งพลังงาน เมื่อเราดึงพลังงานแบบไหนเข้ามาไว้กับตัว หมั่นปลุกฤทธิ์ธาตุพลังงานนั้น เราจะเป็นสิ่งนั้น จะเกิดพลังเช่นนั้น เพราะพลังงานใดใดที่สั่นสะเทือนอยู่ในสนามพลังระดับเดียวกัน พลังงานนั้นย่อมหลอมรวมกัน พลังอำนาจที่เหนือกว่าจะดึงดูดเอาสนามพลังงานรอบๆ เข้าไปหาและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้บูชาเขี้ยวเสือ จึงต้องหมั่นปลุกฤทธิ์สาธยายคาถาเพื่อฤทธิ์อำนาจจักประสิทธิ์แก่ตน ท่านจะเกิดอำนาจเรียกโชคลาภ อำนาจ โภคา โภคทรัพย์ ความมั่งคั่งร่ำรวยเข้ามาได้ ดุจพญาเสือเรียกเนื้อมาเป็นอาหาร

พลังงานบางอย่าง ถ้าเราสร้างขึ้นเองไม่ได้ ก็ต้องหาพลังงานนั้นมาไว้ใกล้ชิดติดตัว
จน..พลังงานนั้นอยู่ในกาย ในใจ ในจิต นี่คือวิชาฤทธิ์แห่งธาตุกายสิทธิ์