ราหู ผู้เปลี่ยนแปลงดวงชะตา

ยามที่บุคคลดวงตก มักมีดาวบาปเคราะห์โคจรมาทำมุมสัมพันธ์กับดวงชะตาของบุคคลนั้น หนึ่งในดาวบาปเคราะห์ก็ก็คือ “ราหู (๘)” เพราะดาวราหูนั้นทางโหราศาสตร์บันทึกเป็นกฎเกณฑ์ว่า ในยามที่ดาวราหูทับหรือเล็งดวงชะตา ถือว่าเป็นเกณฑ์” พินทุบาทว์” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ดวงแตก”

โหราจารย์ในอดีตท่านแต่งโคลงกลอนไว้ว่า
“อสุรินทร์ (ราหู) ถึงลัคนา
ในบาปพระเคราะห์จรไปมาต้องทับกัน
อีกทั้งจันทร์มาทับลัคน์
ท่านทายว่าตัดชีวาถึงอาสัญ”

“ตัดชีวาถึงอาสัญ” คือเอากันถึงเป็นถึงตาย

ราหูในทางโหราศาสตร์นั้น มีมหามิตรเพียงหนึ่งเดียวคือพระเสาร์(๗) ซึ่งก็เป็นประธานฝ่ายบาปเคราะห์ด้วย ยามใดดวงชะตามีพระเสาร์เข้ามาทำมุมสัมพันธ์กับดวงชะตา ก็มักจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดี มีเรื่องวุ่นวายมากมาย

แต่เมื่อราหูและพระเสาร์คู่มิตรใหญ่อำนาจมาก มาต้องกันในดวงชะตา ในช่วงที่ดาวทั้งสองทับหรือเล็งกันนั้น เจ้าชะตาก็จะมีโชคใหญ่โตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ผู้ที่พื้นดวงเดิมมีดาวเสาร์อยู่ในเรือนกดุมภะ (การเงิน) ก็จะแบกภาระการเงินหนักมากในชะตาชีวิต เพราะดาวเสาร์เป็นดาวบาปเคราะห์ที่มาให้รับผิดชอบในเรื่องการเงินตามเรือนชะตา เจ้าชะตาก็จะลำบากมากในเรื่องการเงิน หาเท่าไหร่ก็มีภาระที่ต้องรอจ่ายออกไปตลอด แต่ยามใดที่ราหูโคจรมาทับเรือนการเงิน ซึ่งมีดาวเสาร์รับอยู่ในพื้นดวง ก็จะทำให้เจ้าชะตาร่ำรวยขึ้นมาได้ในพริบตา!! เกิดโชคลาภก้อนใหญ่ อาจถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง หรือได้งานใหญ่กำไรมหาศาล นี่คือการให้คุณอย่างใหญ่หลวงของราหูแก่ดวงชะตา

โคลงราหูที่ว่า “ตัดชีวา ถึงอาสัญ” มีความหมายถึงความตาย ปรัชญาโหรท่านอาจบอกเป็นนัยว่า เป็นการตายจากเรื่องเดิมๆ ตายจากยาจก เป็นมหาเศรษฐี ตายจากกามกิเลส เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้ยินดีเบิกบานดั่งพระราหูนั่นเอง

ในดวงชะตาผู้มีชื่อเสียง เช่นดารานักร้อง นักการเมือง ในดวงชะตาต้องมีราหูในตำแหน่ง หรือง่ามมุมที่ดี เพราะความหมายราหูคือ “มัวเมา ทายราหู” บุคคลที่มีราหู โดดเด่นในดวงชะตา..จึงมักเป็นที่รักใคร่ นิยมชมชอบลุ่มหลงของคนทั่วไป ( เครื่องรางใดใดอันเกี่ยวกันราหู จึงถือเป็นมหาเสน่ห์ลุ่มหลงรุนแรง )

ราหูไม่ใช่ดาวแต่คือเงา คือมายา คือความลุ่มหลง บุคคลที่มีราหูในดวงชะตาโดดเด่น หรือมีตำแหน่งที่ดี จึงมีเกณฑ์โด่งดังหรือเป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วไป

โหราจารย์ท่านว่าราหูร้ายนัก เพราะราหูนั้นเกี่ยวข้องกับอบายมุขต่างๆ การอ่านราหูในดวงชะตาว่าร้ายหรือดี ให้คุณ หรือให้โทษ ก็ต้องดูว่าราหูในดวงชะตานั้น เป็นเจ้าเรือนภพที่ดีหรือไม่ ถ้าเป็นเจ้าเรือนภพที่ดี แล้วราหูในดวงชะตาไปอยู่ในเรือนภพที่ดีหรือไม่ ตกทุรสถานภพ อริ มรณะ วินาศ แก่ดวงชะตาหรือไม่ ถ้าราหูในดวงชะตาอยู่ในตำแหน่งที่ส่งผลร้าย เช่น “พินทุบาทว์” เมื่อราหูจรมาทับ หรือเล็งดวงชะตาในพื้นชะตาเดิมก็จะเกิดผลร้าย เป็นช่วงที่ต้องเจริญสติ เจริญปัญญาให้มากและหนักหน่วง ที่หนักก็จะเบาได้จนกลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ ราหูนั้นก็คือบ่วง บ่วงชีวิตมีอะไรบ้าง ความรัก ความผูกพัน รักอะไร ผูกกับอะไร กอดอะไร ก็กังวล ห่วงหา มีความทุกข์กับสิ่งนั้น หากเจริญปัญญามากเข้าก็จะเกิดตัวรู้ดั่งตำนานจากพุทธกาลว่า.. พระพุทธองค์เจริญพุทธคาถาแก่พระราหู เมื่อพระราหูได้ฟังแล้วก็บังเกิดอาการขนพองสยองเกล้า ยอมคายพระอาทิตย์ออก ( วางกิเลส ) พระพุทธองค์ได้กล่าวถึงบุพกรรมของพระราหูว่า พระราหูเคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระราหูทุกภพชาติที่ผ่านมานั้น พระพุทธเจ้าทำนายว่าจะสำเร็จแน่นอนในอนาคตกาล เป็นพระพุทธเจ้านาม “พระนารทพุทธเจ้า” นับเป็นองค์ที่ 5 ถัดจากพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า

บุพกรรมจากอดีต กำหนดชะตาชีวิตปัจจุบัน แต่ปัจจุบันไม่เคยมีอยู่จริง เพราะแค่เราพูดคำว่าปัจจุบันจบลง คำว่าปัจจุบันเมื่อสักครู่ก็ได้กลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว คำว่าปัจจุบันจึงไม่เคยมีอยู่จริง คงมีเพียงอดีตที่ผ่านไปแล้ว กับ อนาคตที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น

จงสร้างดวงชะตา ลิขิตชีวิตขึ้นมาใหม่ ด้วยการทำเดี๋ยวนี้ให้ดี เดี๋ยวนี้จะกลายเป็นอดีตทันที และเราก็จะเสกสร้างอนาคตได้ทันทีเช่นกัน